Tuesday, September 16, 2008

Comment เรื่องสั้น ให้อุกฤษณ์ เรื่อง ชีวิตของหนู

แม้จะรู้สึกเหมือนถูกเสียดสีในฐานะคนๆหนึ่งในสังคมที่นิยมความรุนแรง แต่ก็อดขำไม่ได้ด้วยภาษาที่ประชดประชัดโดยเจตนาใช้ประโยคความเดียว ห้วน สั้น ไม่มีคำขยายความใดๆ กับเรื่องที่เป็นเรื่องสะเทือนอารมณ์และคนในสังคม เช่น พ่อข่มขืนหนู! ซึ่งน่าจะให้ความสำำคัญและนำเสนอให้ละเอียดกว่านี้ แต่ผู้เขียนเจตนาไม่ทำ เพื่อประชดให้เห็นว่าสังคมเห็นเรื่องสวะเหล่านี้เป็นเรื่องเล็ก ซึ่งต้องชมในข้อนี้ โดยเฉพาะ ประโยค หนูตาย! ซึ่งผมว่าเป็น punch line จริงๆ คือ ชกหน้าคนอ่านอย่างแรง แต่ก็อดขำไม่ได้เพราะมันกระชากอารมณ์คนอ่านเร็วเกินไป โดยยังไม่ทันตั้งตัว คือเริ่มต้นได้เหมือนจะเสียดสีสังคม แต่ตอนจบย่อหน้าสองกลับมี twisting (หักมุม) เพราะคนเขียนตาย โดยที่คนอ่านคาดไม่ถึง เพราะถ้าตายจะมาเขียนได้ไง ดังนั้นคนอ่านจึงไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนเขียนจะตาย เพราะคนอ่านจะเข้าใจว่าสรรพนามทีใช้หมายถึงคนเขียนเสมอ ซึ่งไม่จำเป็น

แต่พออุกฤษณ์เผยว่าเป็นความฝัน น้ำหนักของ climax ของ plot ที่วางไ้ว้ก่อนหน้าก็ลดลงไปทันที ทำให้คนอ่านรูสึกว่าที่เข้าใจว่าผู้เขียนจะเสียดสีสังคมนั้นแท้จริงผู้เขียนไม่ได้เจตนาเช่นนั้น รู้สึกเหมือนถูกหลอก และน้ำหนักของข้อความที่ต้องการสื่อก็ลดหวบทันที เพราะเป็นแค่ความฝัน เรื่องสั้นประเภทแนวจบแบบความฝันถ้าวาง plot ไม่แนบเนียนจะทำให้เสียคะแนนจากกรรมการได้ เพราะเป็น twisting จริง แต่เป็นแบบที่ไม่ได้ให้อะไรคนอ่านเลย ไม่ให้ค่าเหนื่อยกับการอ่านเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะมันทำให้ที่กล่าวมาทั้งหมดก่อนหน้า meaningless!

พอเริ่มอ่านต่อเรื่องก็เริ่มเข้ารกเข้าพงมากขึ้น เพราะจับไม่ได้ว่าผู้เขียนต้องการบอกอะไรกับคนอ่่านกันแน่ ซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงในมวยเด็กซึ่งตรงมากกับโจทย์ของเรื่อง แต่พออ่านตอนท้ายของเรื่องกลายเป็นว่า ตกลงมวยเด็กเป็นสิ่งดีนะ แต่เวลาชกต้องเน้นป้องกันอย่างมวยไชยานะ จึงจะเรียกว่าดี ดังนั้นผู้เขียนจะตอบโจทย์ว่ามวยเด็กดีหรือไม่ดีได้อย่างไร หรือว่าที่เขียนนี้ต้องการเชิดชูมวยไชยาส่วนประเด็นความสัมพันธ์ของพี่กับน้องนั้น ผมเห็นว่าจะทำให้เรื่องเกิดอีกหนึ่ง plot โดยไม่จำเป็น และจะมากเกินไปในเรื่องสั้นขนาดสั้น แต่ถ้าจะเก็บไว้ต้องปูพื้นให้มากกว่านี้ ไม่งั้นคนอ่านจะเข้าใจว่าเด็กชายชกมวยกับนักมวยหญิง (เอ ... หรืออุกฤษณ์ให้เป็นผู้หญิงจริงๆ) ที่หนักไปกว่านั้นคือเด็กชอบกินถั่วดำ!

comments โดยรวมจึงเป็นว่า 1. ไม่มีความสม่ำเสมอในการวางโครงเรื่อง ขาด consistency เรียกได้ว่าครึ่งแรก กับครึ่งหลัง แทบจะเป็นคนละคนเขียน 2. ไม่รู้ว่าผู้เขียนจะบอกอะไรกันแน่ หลักสำคัญของกรรมการคือจะดูว่าผู้เขียนจะบอกอะไรกับคนอ่าน ใครบอกได้โดนใจกรรมการมากกว่าชนะ แต่ผมว่าข้อนี้อุกฤษณ์ไม่ชัดเจน ทั้งๆที่ข้อนี้เป็นข้อที่จะเรียก คะแนนได้มากสุด นอกเหนือจากการใช้สำนวนภาษา 3. ผมแนะนำว่าถ้าจบแค่ หนูตาย! ละก็ใช้ได้ทีเดียว เรียกว่าวัดใจกรรมการ ถ้าไม่หมั่นใส้ให้ตกรอบแรก ก็คงได้รางวัลตลกเสียดสีสังคมบ้างล่ะน่า แต่ถ้าตกรอบจริงๆ ก็พอจะส่งไปต่วยตูน หรือขายห้วเราะให้กองบรรณาธิการขำกันพอควร ผมยังนั่งหัวเราะเลยหลังอ่านสองย่อหน้าแรก

No comments: