Tuesday, May 21, 2013

ปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งไม่ได้มาจากเงินไหลเข้ามาลงทุนโดยตรงโดยเฉพาะตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นที่สถาบันการเงินในไทยนี่แหละที่เห็นส่วนต่างดอกเบี้ยภายในและภายนอกประเทศ จึงกู้เงินตปท เพื่อมาปล่อยกู้ในประเทศ กินส่วนต่าง แถมเมื่อเงินบาทแข็งขึ้นยังได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก เรียกว่าได้สองต่อ

ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงอ้างว่าต้องลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อไม่ให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศสูงต่างจากต่างประเทศจนเกินไป ซึ่งทำให้มีผู้ได้ประโยช์คือสถาบันการเงินเอกชนอยู่บนความเสียหายของประเทศ แต่สถาบันการเงินเหล่านั้นก็ไม่ได้ผิดอะไรเพราะเขาค้าดอกเบี้ยอยู่แล้ว

แต่หากลดอัตราดอกเบี้ยทันทีทันใดในเวลานี้ในยามที่การลงทุนในประเทศกำลังเติบโตรวดเร็วเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วอาจเป็นการกระตุ้นให้ภาคประชาชนลดการออมและเพิ่มการลงทุน ทำให้เกิดเงินเฟ้อเฉียบพลันได้ นี่เป็นเหตุผลที่ธปท ไม่เห็นด้วยกับการลดอัตราดอกเบี้ยในทันที

ผมเห็นด้วยกับผู้ว่า ธปท แทนที่จะใช้นโยบายการเงินแบบเฉียบพลัน หันไปคิดหาประโยชน์จากเงินบาทแข็งดีกว่าเช่นส่งเสริมการนำเข้าทรัพยากรและวัตถุดิบจากตปท เพื่อลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพการแข่งขันกับตปทดีกว่า และการลดดอกเบี้ยจะลดเท่าไหร่ น่าจะประมาณ .25% หรืออย่างมากก็ไม่เกิน .5% จะมีนัยสำคัญขนาดไหนที่จะทำให้คนย้ายเงินลงทุนไปที่อื่นจนกระทั่งค่าเงินเกิดอ่อนลงอย่างสังเกตได้ ดอกเบี้ยต่างชาติจะว่าไปก็มาหลายประเทศที่มากกว่าไทยเยอะ เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย แต่ทำไมยังมีเงินเข้ามาลงทุนในไทย น่าจะเป็นเพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากกว่า ดังนั้นการลดดอกเบี้ยเล็กน้อยไม่น่าเกิดผลกระทบให้เงินบาทแข็งได้ ถ้าให้เกิดผลจริงๆต้องลงเยอะหรืออาจไม่ต่ำกว่า 1% เลย ซึ่งแน่นอนว่าลดขนาดนั้นคงต้องส่งผลทางจิตวิทยากับผู้บริโภคและนักลงทุนในประเทศแน่นอน ทำให้ธนาคารต้องปล่อยสินเชื่อมากขึ้น หรือบรรดาธุรกิจใต้ดินที่ปั่นบัญชี ทำงานประสานกับ นักบัญชี นักประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกัน และนายธนาคารที่พร้อมจะปล่อยสินเชื่อ จนเกิดเป็น NPL ในที่สุด มากๆเข้าก็กลับมาเป็นฟองสบู่อีก เห็นมาแล้วที่ธนาคารประเมินหลักทรัพย์พลาด มีทั้งที่เจตนาหรือประเภทที่ถูกนักบัญชีหลอกอีกที








Tuesday, May 14, 2013

องค์ประกอบและค่าน้ำหนักในการคัดเลือกเข้าศึกษาในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาด้วยระบบกลาง (Admissions)

1. GPAX 20%
2. O-NET 30%
3. GAT 10-50%
4. PAT 0-40%

รวม 100 %
ปี 53

1.น.ส.ปารมี กีรติวิทยานันท์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สอบได้ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 88.83%
2.น.ส.กรัณฑรัตน์ ครองสิริวัฒน์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสอบได้ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 86.73%
3.น.ส.พิมพ์นิภา กังสนันท์ จากโรงเรียนราชินีบนสอบได้คะณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 85.88%
4.น.ส.ณฐวรรณ เปาอินทร์ จากโรงเรียน สาธิต มศว ปทุมวันสอบได้ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 85.29%
5.น.ส.ศิริมา ระงับภัย จากโรงเรียนนครสวรรค์ สอบได้ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คะแนนคิดเป็น 85.00%
6.นายวุฒิ พูลสมบัติ จากโรงเรียนรัตนาธิเบศร์ สอบได้ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 82.97%
7.น.ส.พิชชา ลีลาพรพิสิฐ จากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่สอบได้ คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 81.62%
8.นายณภัทร ดำรงสิริรัช จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สอบได้ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คะแนนคิดเป็น 81.18%
ปี 54

1. นายรัตน์ ปทุมวัฒน์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 93.21

2. น.ส.บุลพร แซ่ลิ่ม คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 89.53

3. น.ส.ชนิษฐา ปุณณวัฒน์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากโรงเรียนนวมินทราชูทิศ กรุงเทพฯ คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 87.46

4. นายนพพล สิระนาท คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 87.04

5. น.ส.กานตา ทิพย์ธาร คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 86.98

6. น.ส.ตะวันรัตน์ รุ่งปัญญารัตน์ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากโรงเรียนสตรีวัดระฆัง คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 84.69

7. น.ส.ปริณดา วงศ์เบญจรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 84.46

8. น.ส.เบญญดา ถาวรเศรษฐ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากโรงเรียนสตรีวิทยา 2 คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 83.87

9. นายปรัชญ์วรกิตติ์ แก้วศิริรัตน์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จ.นครปฐม คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 83.59

10. น.ส.ลออรัตน์ จงฐิตินนท์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย คะแนนที่ได้ คิดเป็นร้อยละ 82.21
ปี 55


อันดับ 1
  • น.ส.เกวลิน รัตนโสภิณสวัสดิ์ จาก รร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้คะแนนร้อยละ 90.55 สูงสุด คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อันดับ 2
  • น.ส.ปณชนก มาลากุล ณ อยุธยา รร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้คะแนนร้อยละ 87.96 สูงสุดคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ
อันดับ 3
  • น.ส.บัณฑิตา แซ่โล้ว รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ได้คะแนนร้อยละ 86.17 สูงสุดคณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
อันดับ 4
  • น.ส.ศศินี อรุณอาภารัตน์ รร.เบญจมราชาลัย ได้คะแนนร้อยละ 85.28 สูงสุดคณะจิตวิทยา จุฬาฯ
อันดับ 5
  • นายภิมุข เทียมเศวต รร.เตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนร้อยละ 84.73 สูงสุดคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ
อันดับ 6
  • น.ส.ศิริกาญจน์ วิโรจน์ศิริ รร.สามเสนวิทยาลัย ได้คะแนนร้อยละ 83.75 สูงสุดคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
อันดับ 7
  • นายชนภัสส์ แสงสว่าง รร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้คะแนนร้อยละ 83.09 สูงสุดคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
อันดับ 8
  • นายมัคค์ วรสถิตย์ รร.เตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนร้อยละ 82.93 สูงสุดคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
อันดับ 9
  • น.ส.นันทพัชร พนมยงค์ รร.สตรีวิทยา ได้คะแนนร้อยละ 82.02 สูงสุดคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ม.ธรรมศาสตร์

ปี 56

คะแนนสูงอันดับ 1 คือ นายสุธิวิชญ์ สร้อยสุวรรณ นักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนสอบ 94.29 เข้าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะแนนสูงอันดับ 2 คือ น.ส.พิมพิกา ประสานศักดิ์สกุล นักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนสอบ 90.06 เข้าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะแนนสูงอันดับ 3 คือ น.ส.ฌานิกา เลิศชัยวรกุล นักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนสอบ 89.89 เข้าคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะแนนสูงอันดับ 4 คือ น.ส.ชนม์นิภา นิ่มธุกะริยะ นักเรียนของโรงเรียนสระบุรีวิทยา ได้คะแนนสอบ 87.83 เข้าคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คะแนนสูงอันดับ 5 คือ น.ส.ณิชนันทน์ ขันทะยา นักเรียนของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้คะแนนสอบ 86.62 เข้าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะแนนสูงอันดับ 6 คือ นายวีรประพันธ์ กิติพิบูลย์ นักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้คะแนนสอบ 85.72 เข้าคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะแนนสูงอันดับ 7 คือ นายธนดล หิรัญวัฒน์ นักเรียนของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ได้คะแนนสอบ 84.12 เข้าคณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะแนนสูงอันดับ 8 คือ นายจารุเดช บุญญสิทธิ์ นักเรียนของโรงเรียนจิตรดา ได้คะแนนสอบ 82.03 เข้าคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะแนนสูงอันดับ 9 คือ นายจิรวัฏ สมรักษ์ นักเรียนของโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคารจังหวัดน่าน ได้คะแนนสอบ 80.51 เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คะแนนสูงอันดับ 10 คือ น.ส.ธันย์ชนก กล้าณรงค์ นักเรียนของโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้คะแนนสอบ 80.28 เข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คะแนนสูงอันดับ 11 คือ น.ส.เวธกา อภิภัทรานันต์ นักเรียนของโรงเรียนสุรธรรมพิทักษ์ จังหวัดนครราชสีมา ได้คะแนนสอบ 80.21 เข้าคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

Monday, May 06, 2013

Big Deals in Thailand and Asia

- CP bought 280,000 million baht of Ping An Insurance's stake from HSBC, making it the biggest shareholder of Ping An. This is the largest sale of a Chainese company to a foreign buyer. Ping An business is not only an insurance company but financial service provider, so the company has the potential to earn from the local chinese as well as business owners in China. Partnering with an insurance company is not something new for CP as it once partnered with Allianz, but later opted out.

- ThaiBev bought 300,000 million baht of F&N's stake, making it the biggest deal in Asia. The company is preparing to dominate the beverage sector in South East Asia region, so it is no longer a single-country business. In the future we may see Beer Chang, EST and Oishi brands expand its markets to South East Asia countries. F&N also owns real-estate businesses and big department stores in Singapore.

- CP took over Siam Makro with 180,000 million baht in order to raise its negotiating power with its suppliers of consumer products, against competitors such as Big-C, Top Supermarket and Family Mart. This in turn could raise its negotiating power against its customers as well. Makro is a wholesaler selling consumer products to groceries and restaurants through its membership network. This deal could therefore complete CP's line of supply chain for consumer products: animal feed, livestock, food processing, wholesalers and retailers of consumer products.

(พูดง่ายๆ อาจบีบ supplier สักรายหนึ่งให้ขายสินค้าให้กับ Makro เพียงรายเดียวทำให้มีอำนาจต่อรองเหนือผู้บริโภคเช่นกัน แต่ถ้าฐานการกระจายสินค้าไม่ครอบคลุมจริงก็เท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเองเปล่าๆ ดังนั้นจึงต้องให้แน่ใจก่อนว่าตนเองมีอำนาจต่อรองเหนือผู้ผลิตและผู้บริโภคหรือไม่โดยเร่งสร้างเครือข่ายและช่องทางระบายสินค้าให้ได้มากกว่าคู่แข่งและมากที่สุด)