Saturday, April 20, 2013


AEC




สรุปว่าเสรีทางการค้าหมายถึง เสรีการค้าและบริการ เสรีการเงิน และเสรีแรงงาน

เสรีการค้าและบริการ:
การแข่งขันก็จะเกิดขึ้นสูงมากเช่นกันเพราะโยกย้ายทรัพยากรได้เหมือนๆกัน เราแข่งกันประเทศในภูมิภาคได้ ประเทศในภูมิภาคก็แข่งกับเราได้ ในการแข่งขันบีบให้เกิดการควบรวมกิจการเพื่อลงต้นทุนผลิตต่อหน่วยแย่งตลาด สินค้าในไทยจะเข้าแทรกแทรงสินค้าจากต่างประเทศ และก็ถูกสินค้าจากต่างประเทศในภูมิภาคเข้าแทรกแทรงตลาดเช่นกัน มีการเทกโอเวอร์กิจการกันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ธุรกิจหรือกิจการใหญ่ขึ้นแข็งแรงมากขึ้น ตลาดเติบโตร่วมกันจาก 70 ล้านคน เป็น 600 ล้านคน เราจะเห็นข้อตกลงทางการค้า การควบรวมกิจการ การเข้า take over ของกิจการขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น 


เสรีการเงิน:
ภาคเอกชนขยายตัวรวดเร็วมากข้ามพรมแดนเป็นบริษัทมหาชนข้ามชาติ ผลิตในประเทศหนึ่ง ส่งไปขายอีกประเทศ สำนักงานอยู่อีกประเทศ และอาจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของอีกประเทศ เสมือนว่าทั้งภูมิภาคในเขตการค้าเสรีเป็นประเทศเดียวกันอย่างไร้พรมแดน ตลาดหุ้นจะโตขึ้นเพราะตลาดหุ้นเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงขยายตัวทุนนิยม ที่ตามมาคือการแก้กฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาถือครองหุ้นได้มากกว่าที่ดำเนินการอยู่ในทุกวันนี้ ธุรกิจที่สมาชิกอาเซียนสามารถถือครองหุ้นได้ 70% ได้แก่ ธุรกิจบริการ ไอที ท่องเที่ยว การบิน เฮลธ์แคร์ (4 รายการนี้ดำเนินได้แล้วในปัจจุบัน) และโลจิสติกส์ และ 7 การลงทุนซึ่งได้แก่ ด้าน เกษตร ยาง ออโตโมทีฟ เฟอร์นิเจอร์ การเงิน ประกันชีวิต ประกันวินาศภัย ซึ่งเชื่อว่าต่อไป จะถือหุ้นได้ถึง 100% ขณะที่ประเทศนอกกลุ่มถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ซึ่งหมายรวมถึงทั้งธุรกิจการเงิน ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัย ด้วยในท้ายที่สุดไม่ใช่เปิดลงทุนเฉพาะด้านอย่างที่เราได้ตกลงกันแล้วในขณะนี้ และจะไม่หยุดแค่เปิดเสรีลงทุนเพียงแค่นี้เท่านั้น จะต้องเปิดเพิ่มเสรีการลงทุนเพิ่มอีก (ข้อมูลจาก http://www.thai-aec.com/777#ixzz2QzA00tcO)

เสรีแรงงาน
คนเกิดและเติบโตในประเทศหนึ่งสามารถมาเข้าเรียนในอีกประเทศหนึ่ง และทำงานในอีกประเทศหนึ่ง ความต้องการต่อยอดความรู้เกิดขึ้นอันเป็นผลจากการแข่งขัน มหาวิทยาลัยเปิดเพิ่มขึ้นมาก คนรู้ภาษามากขึ้น

เรื่องต่อไปที่ต้องพูดต่อคือ ระบบขนส่ง logistics ที่จะสัมพันธ์กับ เสรีการค้า และเสรีแรงงาน 





No comments: