Sunday, February 15, 2009

China (6): Baby boomer

ต้นศตวรรษที่ 18 เป็นช่วงที่ประเทศจีนต้องล้มลุกคลุกคลานทั้งด้านการเมืองและเศรษกิจ นับเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่ทรงอิทธิพลกับประเทศจีนในทุกวันนี้ กับระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐใหม่ ซึ่งต้องผ่านการต่อสู้ทางการเมืองช่วงชิงอานาจระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ของ เหมาเจ๋อตง กับพรรคก๊กมินตั๋งภายใต้การนำของ นายพลเจียงไคเช็ก ก่อนที่จะถูกญี่ปุ่นรุกรานช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่สิ้นสุดลงในปี 1945 หลังสงครามประเทศจีนต้องประสพปัญหาทางเศรษกิจรุนแรง แต่ท่ามกลางสภาวะความเครียดทางเศรษกิจการเมืองประชาชนกลับมีบุตรเพิ่มมากขึ้น จนที่สุดสองในสามของประชากรทั้งประเทศอายุไม่เกิน 30 ปี เรียกได้ว่าเป็นยุค baby boom สวนทางกับสภาพเศรษกิจของประเทศจนรัฐบาลเลี้ยงประชากรที่เกิดใหม่ไม่ไหว ประชาชนยากจน ถึงขนาดรัฐบาลต้องส่งเสริมให้แรงงานจีนออกไปทำงานต่างประเทศ เพื่อนำเงินส่งกลับมาให้ครอบครัว จนเป็นกำเนิดของ China town ในเมืองใหญ่ของโลกรวมถึง London China Town หรือแรงงานจีนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอนนั้นสหรัฐกำลังเติบโตทางเศรษกิจควบคู่ไปกับการทำเหมืองทอง และการขยายทางรถไปทั่วประเทศ ทั้งสองกิจกรรมเป็นงานที่ล้วนแต่มีความเสี่ยงสูง สหรัฐอเมริกาจึงเปิดประเทศต้อนรับแรงงานจากจีนเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ ตามที่เราคงเคยเห็นในภาพยนตร์เรื่อง Shianghai Noon ซึ่งสะท้อนภาพของคนจีนในสังคม Cowboy นอนจากนี้แรงงานจีนยังขยายออกไปยังบางส่วนของภาคพื้นอินโดจีน และ ทำให้เกิดเป็นกลุ่มจีนโพ้นทะเลแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน ซึ่งโดยมากอภยพมาจากสามมณฑลใหญ่ทางใต้ คือ กวางตุ้ง (Guangdong) ยูนาน (Hunan) ฮกเกี้ยน (Fugian) และตั้งรกรากกระจายทั่วเอเชียอาคเนย์ พร้อมกับก่อกำเนิด China Town ในประเทศ เวียดนาม ไทย อินโดนิเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ พิลิปินส์ แต่ชาวจีนส่วนใหญ่เมื่อเดินทางออกนอกประเทศแล้ว ก็ไม่ได้กลับบ้านเกิดไปอีกเลย ส่งเพียงเงินที่หาได้กลับไปให้ภรรยาที่เมืองจีน บ้างก็แต่งงานใหม่กับคนท้องถิ่นนั้นๆ สำหรับคนจีนในประเทศไทยนั้น ส่วนมากมาจากอำเภอแต้จิ๋ว ซัวเถา หูเซี้ย และเตี้ยเอี๊ย ซึ่งใช้ภาษาถิ่นเป็นแต้จิ๋วทั้งหมด ทำให้ภาษาแต้จิ๋วเป็นที่ใช้กันเฉพาะในกลุ่มคนจีนในประเทศไทย

No comments: