Sunday, February 15, 2009

China (2): Republic of China

ราชวงศ์ของจีนสิ้นสุดลงที่ราชวงศ์ชิงเมื่อปี 1912 โดยการปฏิวัติรัฐประหารภายใต้การออกแบบและแนวคิดเสรีของ ดร. ซุน ยัดเซ็น ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของจีนในระบอบสาธารณรัฐ Republic of China แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังการปฏิวัติ จีนเปิดรับปรัชญาตะวันตกมากขี้น และทำให้แนวคิดในการปกครองประเทศแบ่งแยกออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน คือเสรีนิยม (right wing) และสังคมนิยม (left wing) ฝ่ายขวาเสรีนิยมก็เติมโตขึ้นมาเป็นพรรคก๊กมินตั๋ง หรืำอ 'Kuomintang' (KMT) ภายใต้การนำของผู็สืบต่ออำนาจจาก ดร ซุน คือ นายพล เจียง ไคเช็ค โดยมีศูนย์กลางอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ส่วนฝ่ายซ้ายสังคมนิยมก็เติบโตขึ้นมาเป็นพรรคคอมมิวนิส หรือ 'Communist Party of China' (CPC) ภายใต้การนำของ เหมา เซตุง มีศูนย์กลางที่ตอนกลางของประเทศ แรกเริ่มหลังการเปลี่ยนการปกครอง พรรคก๊กมินตั๋งมีอิทธิพลเพราะสามารถใช้กำลังทหารรวมประเทศได้ทั้งหมด แต่การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างสองพรรคก็ยืดเยื้อยาวนานท่ามกลางปัญหาความยากจนของประชาชน และประเทศที่ไม่มีทิศทางชัดเจนว่าจะไปทางใหน จนผ่านช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (1931-1945) ซึ่งเป็นช่วงที่สองพรรคจับมือกับขับไล่การรุกรานจากญี่ปุ่น ซึ่งก็ไม่เป็นผล เมืองหลวง Nanjing ถูกตีแตกและประเทศตกอยู่ใต้อาณัติของจักรพรรดิ์ญึ่ปุ่น เกิดเป็นเรื่องราวNanjing Massacre หรือเหตุการณ์สังหารหมูคนจีนโดยทหารญี่ปุ่นซึ่งผลจะได้เล่าต่อในหัวเรื่องถัดไป แต่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงและจีนเป็นไทเพราะญี่ปุ่นตกเป็นผู้แพ้สงคราม การต่อสู้ของสองพรรคก็ำดำเนินต่อไป จนกระทั่งปี 1949 CPC สามารถครอบคลุมอำนาจได้จนเกือบทั่วประเทศและเข้ายึดอำนาจรัฐบาลกลาง ทหารและผู้สนับสนุนกลุ่ม KMT รู้การเคลื่อนไหวจึงระเห็ดเอาตัวรอดออกจากประเทศ และหนึ่งในนายทหารของก๊กมินตั๋งก็คือบิดาของ นาย สนธิ ลิ้มทองกุล ที่หนีเดินป่ามายังเมืองไทยผ่านประเทศเวียดนาม

No comments: